สรุปหนังสือจิตวิทยาสายดาร์ก

สรุปหนังสือ เด่น

แด่คนที่อ่านคู่มือการพูดแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถพูดชักจูงคนได้

การสื่อสารจะเป็นเรื่องของการใช้จิตวิทยามากกว่าการใช้ภาษาทักษะที่จำเป็นคุณในแง่การสื่อสารจะเป็นเรื่องของการใช้จิตวิทยามากกว่าการใช้ภาษาทักษะที่จำเป็นในการสื่อสารให้ถึงใจอีกฝ่ายไม่ใช่วิธีการใช้คำพูดที่เหมาะสม แต่เป็นวิธีสร้างความประทับใจที่เหมาะสมต่างหาก

ในการสื่อสารหากจับจุดสำคัญได้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ใส่ใจรายละเอียด  ถ้าการสื่อสารเพื่อล้างสมองกับการว่ายน้ำ การสื่อสารเพื่อล้างสมองกับการว่ายน้ำก็จะง่ายกว่าการว่ายน้ำเสียอีกหาคนทำเป็นอยู่แล้วก็จะง่ายถ้าเรายังแซงละวิธีก็จะรู้สึกว่าวิธีนี้ยากแต่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้

วิธีลวงคนให้รับฟังเราทุกอย่าง

การสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่ายสิ่งสำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่ายสิ่งสำคัญสิ่งแรกคือภาพรักเราจะทำยังไงให้ผู้ฟังเชื่อว่าเราคือของจริงโดยตัวอย่างภาพรักที่เราจะเห็นก็คือนักมายากลมีวิธีเครื่องแต่งตัวที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของก็ไม่ยากลหรือครูที่สอนซักหรือยังแซงรู้สึกว่ามีความรู้เพื่อให้นักเรียนเห็นว่าเราสามารถสื่อสารและให้ความรู้กับนักเรียนได้ ซึ่งในการสร้างความประทับใจจะอยู่ที่วิธีการสื่อสาร น้ำเสียง ด้วย และที่สำคัญน้อยและที่สำคัญน้อยที่สุดคือเนื้อหาหรือเรียกว่ากฎ 7-35-55 ซึ่งลองดูการออกเดทถ้าผู้ชายหน้าตาดี ๆ หน่อยส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะชอบฟังก่อนผู้ชายที่หน้าตาไม่ดี

แต่ไม่ใช่ว่าคนเราจะ ไม่สามารถทำ ไม่สามารถทำตัวเองให้ดูดีขึ้นได้เราสามารถดูแลกำจัดขนบนใบหน้าหรือจัดฟันเพื่อให้ตัวเองดูดีเอาง่ายง่ายก็เซ็ตผมด้วยตัดผมให้ดูมีสไตล์ก่อนก็จะทำให้ดีขึ้นได้

ลองทำ ตามห้าข้อนี้ดูหนึ่งการเลือกเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าให้เหมาะสมใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกวันตัดผมที่ร้านเสริมสวยราคาสูงสูงหน่อยเดือนละหนึ่งครั้งกำจัดหนวดออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อเป็นประจำ

สถานที่ที่ใช้ในการพูดถ้าเรามีการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมจะช่วยให้การพูดเราประสบความสำเร็จหรือดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ซึ่งในธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่แล้วจะชอบนัดลูกค้าไปคุยในร้านที่ทำให้ตัวเองดูดีดีและเทคนิคที่ใช้ก็คือร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านกาแฟที่เงียบหรือในโรงแรมหรู

วิธีพูดที่ช่วยให้เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น

ฝึกที่จะชมคู่สนทนาเพราะการชมจะทำให้คู่สนทนาเราประทับใจถึงแม้เราจะเป็นคนชมไม่เก่งแต่ก็จะช่วยในการสนทนาเราดีขึ้นแล้วก็เหมือนเป็นการเปิดใจคู่สนทนาเราอีกด้วย ซึ่งเอาไว้ง่ายก็คือเคล็ดลับที่ดีที่สุดในการเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นคือการประจบทุกคนที่ได้เจอด้วยการชมซึ่งเราควรชมในสิ่งที่เรามองไม่เห็นมากกว่าสิ่งที่มองเห็นโดยชัจะทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า

การที่จะทำให้อีกฝ่ายชื่นชอบเราอย่าพูดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ซึ่งวิธีการคือเราควรสื่อสารให้อีกฝ่ายรู้ว่าคุณรู้เรื่องงานอดิเรกของเขาพร้อมกับบอกว่าคุณเคยลองทำแล้วแต่เทียบกับเขาไม่ได้จึงอยากให้ช่วยสอน ถึงแม้ว่างานอดิเรกเรื่องนั้น ๆ คุณไม่เคยทำก็ทำ

เคล็ดลับวิธีสื่อสารที่ช่วยให้ควบคุมจิตใจคนตามต้องการ

คำพูดแรกที่จะช่วยในการสื่อสารได้คือการใช้คำว่า พูดง่าย ๆ ก็คือ ซึ่งพอเราพูดคำนี้อีกฝ่ายจะคิดโดยไม่รู้ตัวว่าหลังจากที่เราจะพูดไปต่อจากนี้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายเพราะงั้นต้องเข้าใจสิ

คำพูดต่อมาคือ เหมือน……นั่นแหละ ซึ่งจะมีคำพูดต่อมาคือ พอจะเข้าใจไหม แม้จะยังไม่เข้าใจแต่คน 99% จะตอบว่าพอจะเข้าใจแล้ว

ในการพูดเรื่องที่เราเข้าใจยากเหลืออีกฝ่ายเข้าใจยากเราควรมีการยกตัวอย่างภาพเพื่อเปรียบเทียบหรือยกตัวอย่างสถานการณ์เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นและเข้าใจง่ายซึ่งการแสดงตัวอย่างที่เป็นภาพจะทำให้ ในการพูดเรื่องที่เราเข้าใจยากเหลืออีกฝ่ายเข้าใจยากเราควรมีการยกตัวอย่างภาพเพื่อเปรียบเทียบหรือยกตัวอย่างสถานการณ์เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นและเข้าใจง่ายซึ่งการแสดงตัวอย่างที่เป็นภาพจะทำให้คนจำได้มากกว่าตัวอักษรหรือคำพูด

ซึ่งต่อมาในการเรียกคู่สนทนาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเรียกเป็นรวม ๆ คือการเรียกเป็นบุคคลโดยใช้คุณหรือเรียกชื่อคู่สนทนาไปเลยจะดีกว่า

เทคนิคการพูดให้เปิดใจอีกฝ่ายได้คือการพูดแบบกว้างกว้างเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินชี้ชัด เพราะการพูดตัดสินเลยอาจจะทำให้ผู้ฟังหรือลูกค้าตัดสินใจในทางตรงกันข้ามได้

การทำให้ผู้ฟังจดจ่อกับการพูดของเราเทคนิคง่ายง่ายก็คือการใช้คำถามเวลาเราพูดเราสามารถพูดได้ยาวทว่ามีกลุ่มผู้ฟังบางกลุ่มสมาธิหลุดจากการพูดของเราเราควรมีการให้ผู้ฟังได้ใช้สมาธิในการตอบคำถามโดยใช้ความคิดในการตอบคำถาม เพื่อเพิ่มความสนใจกับเราได้มากขึ้น เพิ่มเติมเมื่อเรามีการใช้คำถามเพื่อดึงความสนใจของผู้ฟังแล้วเทคนิคอีกอย่างก็คือการเว้นเงียบในช่วงเวลาที่ผู้ฟังไม่ได้สนใจเราสักอ2-3 วินาที พอผู้ฟังหันมาสนใจในตัวเราค่อยพูดต่อ

เคล็ดลับ วิธีฟัง ที่ช่วยให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสนทนา

ในบทนี้จะพูดถึงการที่เราจะเป็นคนพูดเก่งต้องเป็นคนฟังเก่งก่อนซึ่งในการพูดเก่งไม่ใช่หมายถึงการพูดคนเดียวการพูดหรือการคุยเก่งก็เปรียบเสมือนการเล่นกีฬาเบสบอลไหมครับก็คือเราสามารถส่งบอลแล้วผู้รับสามารถรับได้แล้วส่งบอลกลับได้นี่คือการคุยและก่อนที่เราจะเป็นคนพูดเก่งก่อนเราต้องเป็นคนฟังที่ดีก่อนซึ่งในหนังสือจะสอนถึงการเป็นผู้ฟังที่ดีเราต้องนึกเสมอว่ากำลังสั่ง ครับในบทนี้จะพูดถึงการที่เราจะเป็นคนพูดเก่งต้องเป็นคนฟังเก่งก่อนซึ่งในการพูดเก่งไม่ใช่หมายถึงการพูดคนเดียวการพูดหรือการคุยเก่งก็เปรียบเสมือนการเล่นกีฬาเบสบอลไหมครับก็คือเราสามารถส่งบอลแล้วผู้รับสามารถรับได้แล้วส่งบอลกลับได้นี่คือการคุยและก่อนที่เราจะเป็นคนพูดเก่งก่อนเราต้องเป็นคนฟังที่ดีก่อนซึ่งในหนังสือจะสอนถึงการเป็นผู้ฟังที่ดีเราต้องนึกเสมอว่ากำลังฟังเรื่องที่สนุกที่สุดในโลกมันไม่ได้หมายถึงเราต้องประจบเข้าไว้มันเป็นการให้ความสำคัญผู้พูดคือเราสามารถทำสิ่งอื่นๆได้อย่างมากแต่ว่าเราตั้งใจฟังก็เป็นการให้กำลังใจผู้พูดด้วย ซึ่งความสนุกของการสนทนาก็คือผู้ฟังมีอารมณ์ร่วมในการพูดคุยก็เหมือนในคาบเรียนถ้าเราสอนนักเรียนแล้วนักเรียนมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เรามอบให้ก็จะทำให้ซึ่งความสนุกของการสนทนาก็คือผู้ฟังมีอารมณ์ร่วมในการพูดคุยก็เหมือนในคาบเรียนถ้าเราสอนนักเรียนแล้วนักเรียนมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เรามอบให้ก็จะทำให้การสอนเรามีความสุขหรือสนุกมากยิ่งขึ้น

ซึ่งในการพูดหรือการเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นจะมีเทคนิคอยู่ 3 อย่างคือ พยางค์หน้า ตอบรับ ขยับคิ้ว ซึ่งทั้ง 3 วิธีนี้จะช่วยให้เราเป็นผู้ฟังที่ดีทำให้การสนทนาของเราแล้วก็ลูกค้าหรือผู้ฟังนั้นหรือผู้พูดนั้นมีความราบรื่นแล้วก็เกิดเป็นการสนทนาที่ดี

เคล็ดลับที่ช่วยให้พูดเก่งระดับสุดยอด

ซึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยให้พูดเก่งอีกระดับคือภาษากายครับภาษากายที่ใช้จะมีอยู่ 4 แบบคือ 1.ยกมือขึ้นลง 2.โบกมือไปด้านข้าง 3.วนมือเป็นวงกลม 4.หยุดขยับมือ

ในการเป็นผู้พูดที่เก่งระดับสุดยอดนั้น ต้องมีภาษากายที่ดีนะครับซึ่งภาษากายที่ใช้จะแบ่งเป็นหนึ่งคือสีหน้านะครับการแสดงสีหน้าในการพูดคุยกันนั้นง่ายเวลาพูดให้เรายกมุมปากขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วน่ะครับอันนี้จะทำให้อารมณ์ในการพูดอยู่ในอารมณ์ที่แสดงความสนใจแล้วก็เป็นอารมณ์ที่รู้สึกว่าเราให้ มีความสุขกับการพูดคุย

ลำตัวนะครับซึ่งไม่มีอะไรดีเท่ากับการนั่งหลังตรงอีกแล้วในการนั่งเก้าอี้เราควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก่อนแล้วก็พิงพนักให้หลังตรงนะครับจะช่วยให้เรานั่งได้นานแล้วก็ไม่เมื่อยด้วย

แขนเราต้องมีภาษากายก็คือการใช้แขนในการห้ามโบกนะครับซึ่งจะแนะนำไว้แขนเราต้องมีภาษากายก็คือการใช้แขนในการแสดงนะครับซึ่งจะแนะนำไว้แล้วในก่อนหน้านี้

ขาเวลานั่งนะครับขาควรนั่งให้มีการกางขาเล็กน้อยนะครับเพื่อให้เรารู้สึกว่าเปิดรับข้อมูลในการฟังมากยิ่งขึ้นนะครับหรืออีกวิธีคือการเลียนแบบท่าทางหรือบุคลิกของ ผู้พูดไม่ใช่เลียนแบบทุกอย่างไหมครับก็เลียนแบบบางอย่าง เช่นการซื้อกาแฟถ้าเราจะซื้อเหมือนกันเราควรพูดว่าผมจะสั่งพอดีไจตรงกันเลยครับ

แล้วก็ปัญหาสำคัญในการพูดคือความตื่นเต้นนะครับความตื่นเต้นจะทำให้การพูดเราไม่ค่อยสง่าผ่าเผยเท่าไหร่วิธีการกำจัดก็คือ 1. ปรับท่าทางให้ผ่อนคลายนะครับหรือการทำตัวเองให้ดูตัวอย่างขึ้นจะเห็นว่าสัตว์บนโลกนี้การที่เราจะขู่ใครบางคนมันจะพองตัวขึ้นแต่ถ้ามันรู้สึกวกลัวมันจะหดตัว ดังนั้นก่อนที่เราจะพูดเราควรปรับตัวเองให้ดูตัวใหญ่ 2. หายใจลึกลึกก่อนจะพูดอะครับซึ่งในการหายใจเข้าลึกลึกจะส่งผลต่อน้ำเสียงที่ส่งออกมาด้วยซึ่งจะทำให้น้ำเสียงหนักแน่นมากยิ่งขึ้น 3. เคลื่อนไหวอย่างช้าๆและสง่าผ่าเผยยกตัวอย่างเช่นเวลาเราหาของเราควรค่อยค่อยค้นหาดูในกระเป๋าแล้วค่อยหยิบเธอค่อยจับจะดูดีกว่าถ้าเราคุ้ยกระเป๋าด้วยท่าทีลนลาน

ปรากฏการณ์ ทางจิตวิทยาอันทรงพลังที่ห้ามนำไปใช้ในทางที่ผิดเด็ดขาด

เทคนิคแรกนะครับคือการปรับจังหวะการพูดให้ตรงหรือความเร็วตรงกับผู้พูดหรือฝ่ายตรงข้ามเราซึ่งจะทำให้ เพิ่มความสนิทสนมกันมากขึ้นด้วยทำ เพิ่มความสนิทสนมกันมากขึ้นด้วยทำนองการพูด

ปรากฏการณ์ anchoring effect คือตัวเลขหรือเงื่อนไขที่บอกไปตอนแรกจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในภายหลังแม้จะเป็นสินค้าชนิดเดียวกันก็ตาม

ปรากฏการณ์ dederot effect คือเทคนิคที่เมื่อลูกค้าซื้อของราคาแพงไปแล้วผู้ขายจะจู่โจมต่อเลยเพราะว่าจะดูเหมือนว่าลูกค้าเป็นคนซื้อของง่ายก็จะเสนอของเพิ่มขึ้น

ปรากฏการณ์ความขาดแคน scarcity effectเป็นปรากฏการณ์ยิ่งเป็นของหายากก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีคุณค่าสูงสิ่งที่ทำให้มันทรงพลังอย่างมากก็คือการสร้างแรงกดดันว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้อาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว

คือการเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งหนึ่งให้ต่างออกไปจากเดิมเช่นเปลี่ยนจากการมองว่าเหลือน้ำแค่ครึ่งแก้วเป็นเหลือน้ำตั้งครึ่งแก้ว

ปรากฏการณ์ที่ต้องระวัง

ปรากฏการณ์บูมเมอแรง คือปรากฏการณ์ที่จะทำให้เกิดผลตรงกันข้ามสิ่งที่จะทำให้เกิดคือ 1. ยัดเหยียดมากเกินไป 2. จงใจเกินไปไม่เป็นธรรมชาติ

ปรากฏการณ์อันเดอร์ไมนิง undermining effect คือการให้แรงจูงใจภายนอกกับสิ่งที่คนคนหนึ่งทำด้วยแรงจูงใจภายในจะส่งผลให้แรงจูงใจของคนนั้นลดลง สิ่งสำคัญคือต้องทำให้อีกฝ่ายตระหนักว่าตัวเขาทำเพราะอยากทำไม่ใช่ทำเพราะจะได้รับรางวัลจาก

หลักการตอบแทนซึ่งกันและกันหลักการนี้จะพูดถึงการตอบแทนลูกค้าเมื่อเรามีการไปพูดคุยเรื่องธุรกิจหรือการไปเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารลูกค้าจะคิดว่ามาคุยธุรกิจเพื่อที่จะได้ทานอาหารที่เราเลี้ยงซึ่งจะทำให้เกิด ปรากฏการณ์ undermining

จบแล้วครับดูเทคนิคหรือรายละเอียดของเทคนิคได้เพิ่มเติมในหนังสือนะครับ